หลังจากรอกันมาจนการแข่งขัน DPC 2021/2022 กำลังจะเริ่มทำการแข่งขันปลายเดือนนี้ ในที่สุด Valve ก็ทำการประกาศรายละเอียดต่างๆออกมาเสียที มีทั้งรายละเอียดบางอย่างที่ถูกแก้ไขเช่นการกระจายแต้ม DPC แต่บางอย่างก็ยังคงไว้ขัดใจผู้ชมเหมือนเดิม เช่น แชมป์ DPC League จะตรงเข้าไปเริ่มแข่งรายการเมเจอร์ในรอบ Playoff โดยอัตโนมัติ
รายละเอียดที่น่าสนใจหรือรายละเอียดที่มีการเปลี่ยนแปลง
การลงทะเบียนผู้เล่นจะทำได้จนถึงเวลา 11:59am PT ของวันที่ 21 พฤศจิกายนนี้ หลังจากนั้นระบบจะทำการล็อครายชื่อผู้เล่น นั่นหมายความว่าทุกทีมจะประกาศรายชื่อออกมาให้เราได้ทราบกันไม่เกินวันที่ 21 พฤศจิกายน
การเพิ่มจำนวน League และรายการ Major รวมถึงปรับสัดส่วนแต้ม DPC
การแข่งขัน DPC League และ Major จะมีอย่างละ 3 ช่วงแบ่งเป็น Fall, Winter และ Spring โดยแต่ละช่วงจะมีแต้ม DPC รวมไล่จากน้อยไปมาก สำหรับ League จะแบ่งแต้มเป็น 690/920/1150(ของเดิมช่วงละ 1,150 คะแนน/ภูมิภาค) และ Major จะแบ่งแต้มเป็น 1900/2700/3500(ของเดิมรายการละ 2,700 คะแนน) ผลจากการปรับสัดส่วนแต้ม DPC ส่งผลดังนี้
-น้ำหนักความสำคัญของรายการเมเจอร์เพิ่มขึ้นกว่าเดิม เนื่องจากคะแนนไปกองอยู่ในรายการเมเจอร์มากขึ้น ทีมที่จะได้สิทธิ์เป็น 1 ใน 12 ทีมที่ได้เข้าร่วมแข่งขันรายการ The International ผ่านแต้ม DPC จะหวังพึ่งผลงานจากการแข่งขัน League อย่างเดียวยากขึ้น
-การปล่อยจอยช่วงท้ายของรายการ DPC จะเกิดได้ยากขึ้นเนื่องจากมีการปรับไล่สัดส่วนแต้ม DPC จากน้อยไปมาก ดังนั้นทีมที่ทำผลงานได้ดีในช่วงครึ่งแรกของฤดูกาลก็ยังวางใจไม่ได้เนื่องจากทีมที่ตามยังมีแต้มจำนวนมากให้เก็บในช่วงท้าย รวมถึงโอกาสที่จะได้เห็นการปาดหน้าพลิกแซงกันของแต่ละทีมก็มีโอกาสสูงมากขึ้นด้วย
-ทีมที่จะได้ไปแข่ง The International ต้องมีความคงเส้นคงวา ทีมที่ทำดีเพียงครึ่งทางอาจจะไม่ได้สิทธิ์เข้าแข่ง TI ก็ได้ การแข่งเพิ่มจาก 2 เป็น 3 ช่วงจะทำให้ “ทีมที่เก่งกว่า และคงเส้นคงวาจริงๆ” ถึงจะได้สิทธิ์ ยกตัวอย่างคือเหมือนการแข่งขันแบบ BO1, BO3 และ BO5 ที่ยากมากหากทีมที่อ่อนกว่ามากจริงๆจะชนะทีมที่เก่งกว่ามากในระบบ BO5
กฏการถือครองสิทธิ์เจ้าของ team slot ที่มีการปรับให้ยืดหยุ่นมากขึ้น เนื่องจากในปีที่ผ่านมาเกิดกรณีพิพาทระหว่างผู้เล่น และองค์กร กับคนลงทะเบียน team slot ค่อนข้างมาก ในปีนี้ Valve จึงระบุว่าเจ้าของ team slot คือคนที่ทำหน้าที่ลงทะเบียนในฐานะแอดมินของทีม หรือสำหรับองค์กรก็ควรจะเป็นผู้จัดการหรือบุคคลที่เป็นตัวแทนขององค์กร ส่วนกรณีอื่นๆก็สามารถเป็นหน้าที่ของกัปตันทีม โดยใจความสำคัญคือหลังจากลงทะเบียนแล้ว “สามารถเปลี่ยนตัวแอดมินได้” ดังนั้นทีมต่างๆ โดยเฉพาะทีมที่เป็นรูปแบบองค์กรควรกำหนดผู้ทำหน้าที่ซึ่งจะไม่ทำให้เกิดปัญหาในภายหลัง หรือในกรณีที่องค์กรเข้ามาซื้อทีมก็ควรโยกย้ายแอดมินให้เสร็จสิ้น
รายละเอียดที่เหมือนเดิม
สัดส่วนเงินรางวัลยังคงเท่าเดิมกับในฤดูกาลที่แล้ว ทั้งในส่วนของ League และรายการ Major
โควต้าทีมที่ได้เข้าแข่งรายการเมเจอร์ของแต่ละภูมิภาคยังเท่าเดิม คือ
– Western Europe: 4 Slots
– Eastern Europe: 3 Slots
– China: 4 Slots
– North America: 2 Slots
– Southeast Asia: 3 Slots
– South America: 2 Slots
ระบบการเลื่อนชั้น ตกชั้น รวมถึงการเปิดรอบ Open Qualifiers สำหรับ Lower Division นั้นยังเหมือนเดิม ทั้งนี้ไม่ได้มีการระบุชัดเจนว่าจะยกการเลื่อนชั้น-ตกชั้นมาจากฤดูกาลที่แล้วหรือไม่(แต่จากที่อ่านข้อมูลดูมีโอกาสจะล้างใหม่เลยเหมือนกัน)
สำหรับทีมที่ได้แชมป์ League จะผ่านเข้าไปเริ่มต้นรายการ Major ที่รอบ Playoffs เลยเหมือนเดิม ซึ่งจริงๆเรื่องนี้เป็นหนึ่งในเรื่องที่หลายๆคนอยากให้เปลี่ยนมากที่สุด เนื่องจากมันทำให้เกมการแข่งขันในรายการเมเจอร์ไม่หลากหลาย รวมถึงทีมที่ได้แต้ม DPC เต็มๆจากการเป็นแชมป์ League แล้วยังมีโอกาสได้แต้มเพิ่มจากรายการ Major ง่ายเกินไป ทำให้ภาพของ League ดูเป็นเหมือนรอบคัดเลือกรายการ Major มากทั้งที่จริงๆแล้วมันเป็นคนละรายการกัน