Bayonetta Origins: Cereza and the Lost Demon เปิดตำนาน ‘เซเรซ่า’ จอมเวทแห่งศาสตร์มืด

Bayonetta Origins: Cereza and the Lost Demon เปิดตำนาน ‘เซเรซ่า’ จอมเวทแห่งศาสตร์มืด

Bayonetta Origins: Cereza and the Lost Demon เป็นวิดีโอเกมจากสตูดิโอ PlatinumGames ที่ออกวางจำหน่ายโดย Nintendo นำพาเหล่าเกมเมอร์ไปดื่มด่ำกับเรื่องราวครั้งใหม่จากแฟรนไชส์ดัง Bayonetta ซึ่งคราวนี้พวกเขาเลือกที่จะทำภาคแยกจาก Bayonetta 3 ที่ออกวางจำหน่ายเมื่อเดือนตุลาคมปีก่อน บอกเล่าเนื้อหาเกี่ยวกับ “เซเรซ่า” ในวัยละอ่อน ห้วงเวลาที่เพิ่งเริ่มต้นฝึกฝนเวทมนตร์ศาสตร์มืด ออกวางจำหน่ายสุดเอกซ์คลูซีฟแล้ววันนี้ เฉพาะแพลตฟอร์ม Nintendo Switch เท่านั้น

 

วิธีเล่นเกม

Bayonetta Origins: Cereza and the Lost Demon เป็นวิดีโอเกมแนว Action/Adventure ที่ผู้เล่นจะได้สวมบทบาทเป็นสาวน้อยสุดเนิร์ด “เซเรซ่า” ที่เพิ่งเริ่มต้นฝึกฝนเวทมนตร์ศาสตร์มืด แต่วันหนึ่งกลับเดินทางเข้าไปในป่าต้องห้าม และได้พบกับ เชสเชียร์ ตุ๊กตาวิเศษที่สามารถแปลงร่างเป็นปีศาจยักษ์ได้ นำมาสู่การผจญภัยในดินแดนที่เต็มไปด้วยความลึกลับของคู่หูจำเป็น เพื่อค้นหาความจริงที่แอบซ่อนเอาไว้ ว่าทำไมป่าต้องห้ามจึงเป็นสถานที่ที่ไม่ควรย่างกรายเข้ามา

 

ระบบเกม

Bayonetta Origins: Cereza and the Lost Demon ผสมผสาน Action/Adventure เอาไว้ได้อย่างลงตัว เกมเพลย์ส่วนใหญ่จะเป็นการออกเดินทางแก้ไขปริศนา สอดแทรกด้วยการเผชิญหน้ากับศัตรูระหว่างทาง ซึ่งหากใครเป็นสาย Action แบบบู๊ล้างผลาญอาจไม่ถูกใจ แต่ใครที่ชื่นชอบการเสพเนื้อเรื่องและได้ไขความลับของ “เซเรซ่า” นี่คือภาคแยกที่ทำออกมาได้แตกต่างและน่าประทับใจ ภายใต้ระบบเกมแบบ Single-Player ที่ดำเนินไปตามเนื้อหาหลักเป็นเส้นตรง

 

ฟีเจอร์น่าสนใจ

Bayonetta Origins: Cereza and the Lost Demon เปิดโอกาสให้เกมเมอร์ได้บังคับตัวละครพร้อมกันทั้ง “เซเรซ่า” และ “เชสเชียร์” เรื่องดังกล่าวทำให้การต่อสู้น่าสนใจมาก ๆ และเป็นไอเดียที่แปลกใหม่ไม่ซ้ำใคร โดย เซเรซ่า จะมีความสามารถในการใช้เวทมนตร์โจมตีระยะไกล ขณะที่ เชสเชียร์ เป็นสายแทงก์ที่ชื่นชอบการคลุกวงใน ที่สำคัญคือสามารถสร้างคอมโบร่วมกันได้ด้วย แม้อาจมีปัญหาอยู่บ้างในเรื่องของความสับสน เพราะบางครั้งบางคราวต้องเผชิญหน้ากับศัตรูเป็นกองทัพ

 

ลูกเล่นพิเศษ

Bayonetta Origins: Cereza and the Lost Demon เลือกที่จะนำเสนอกราฟิกในรูปแบบของภาพวาดสีน้ำ ตลอดการเดินทางจึงไม่แตกต่างจากการได้ดื่มด่ำไปกับเรื่องราวในนิทานวัยเด็ก ซึ่งความสดใสดังกล่าวแตกต่างจากแฟรนไชส์หลักอย่าง Bayonetta โดยสิ้นเชิง แต่เมื่อพิจารณาว่านี่คือภาคแยก การได้ผ่อนคลายจากเนื้อหาสุดดราม่าก็เป็นอะไรที่ยอดเยี่ยมไม่น้อย โดยเฉพาะเมื่อทีมพัฒนาได้ทิ้งปริศนามากมายเอาไว้ให้เกมเมอร์ได้ค้างคาใจใน Bayonetta 3

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *